ล่าสุด เอ็มเร่ ชาน กลายเป็นหนึ่งในอดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ที่ย้ายออกจากทีม ลิเวอร์พูล หลังไม่ต่อสัญญากับทีม ไปอยู่ ยูเวนตุส แล้วชีวิตไม่สดใสดังหวัง เขาถูก เมาริซิโอ ซาร์รี่ หั่นชื่ออกจากทีม ยูเวนตุส ชุดลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ทำให้เขาเองโกรธควันออกหูออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์เดือด แต่ท้ายที่สุดก็ออกมาแก้ข่าวและขอบคุณสโมสร พร้อมสู้ต่อกับทีม
วันนี้เราจะพาไปย้อนดูว่ามีเหล่านักเตะ ลิเวอร์พูล คนไหนบ้างที่ตัดสินใจโบกมือลาแอนฟิลด์ไปหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่กลับไม่รุ่งดังคาดหวัง
ไมเคิล โอเว่น ตัดสินใจย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับทีมเป็นเวลา 8 ปีที่รุ่งโรจน์ มีรายงานว่าเนื่องจาก ลิเวอร์พูล ยังไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดในประเทศ บวกกับไม่เชื่อมือกุนซือสแปนิชคนใหม่ในปีนั้นที่ชื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ ท้ายที่สุดเขาตัดสินใจขอขึ้นบัญชีย้ายทีม ดังนั้น ในวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2004 โอเว่นจึงกลายเป็นนักเตะ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวถูกเพียง 12 ล้านปอนด์ ทั้งที่ราคาของเขาในตอนนั้นอาจจะสูงถึง 30 ล้านปอนด์ แต่ ลิเวอร์พูล จำต้องขายราคาถูกดีกว่าปล่อยให้หมดสัญญาแล้วเสียนักเตะไปฟรีแบบที่เคยเกิดขึ้นในกรณีของ สตีฟ แม็คมานามาน ซึ่งแน่นอนว่าเขาถูกแฟนหงส์ตราหน้าว่า “จูดาส” อย่างไรก็ตามชีวิตในสีเสื้อชุดขาวกลับไม่สวยงามดั่งฝั่ง เบบี้โกล กลับอยู่ในฐานะตัวสำรอง ได้ลงสนาม 36 นัด และส่วนใหญ่ก็ลงสนามในฐานะตัวสำรอง ทำได้ 13 ประตู และจบซีซั่นโดยไม่มีรางวัลใดติดมือ ก่อนต้องตัดสินใจย้ายออกจาก เรอัล มาดริด โดยที่ไม่ได้รับการจดจำใดใดเลย หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่กับทั้ง นิวคาสเซิ่ล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง สโต๊ค ซิตี้ แต่ทว่านอกจากที่แอนฟิลด์ ดูเหมือนทุกสโมสรไม่มีเขาอยู่ในความทรงจำสำหรับแฟนบอลเลยแม้แต่น้อย มีแต่คำพูดที่ติดปากเอาฮาว่า “ตำนานสโต๊ค” เรียกได้ว่าชีวิตการค้าแข้งดับวูบนับตั้งแต่ย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล
ถือได้ว่าเป็นดีลที่สร้างความแค้นเคืองใจให้กับสาวก ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก และเป็นเป็นไฮไลท์ของตลาดซื้อขายในเดือนมกราคมปี 2011 เลยก็ว่าได้ โดยทุกฝ่ายจับจ้องไปที่การย้ายทีมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส จาก ลิเวอร์พูล ไป เชลซี ช่วงวันสุดท้ายของตลาดลูกหนัง การมาของ ซัวเรซ นั่นทำให้ ตอร์เรส ตัดสินใจหนีจาก ลิเวอร์พูล และเป็น เชลซี สร้างความตื่นตะลึงให้กับตลาดนักเตะช่วงปีใหม่ ด้วยการคว้าตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส สุดยอดกองหน้ามาจากสโมสร ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวระดับสถิติของเกาะอังกฤษในชั่วโมงนั้น มันเป็นการย้ายทีมที่เต็มไปด้วยความหวังจากแฟน ๆ เชลซี แต่ผลงานกลับตรงกันข้าม ดาวยิงแก้มแดงไม่สามารถเล่นได้ใกล้เคียงกับตอนที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล แม้แต่น้อย การย้ายมาหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ครั้งนี้จึงกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด นัดแรกที่ ตอร์เรส ได้ลงสนาม คือ เกมที่เขาพาทีมพ่ายต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล และหลังจากนั้นเขาต้องรออีกถึง 903 นาที กว่าจะที่ยิงประตูแรกให้กับทีมดังแห่งลอนดอนได้ ซึ่งนั่นถือเป็นลูกเดียวตลอดครึ่งซีซั่นที่เขาทำได้ แม้ผลงานของทีมยอดเยี่ยม เมื่อ เชลซี ได้แชมป์เอฟเอ คัพ, ยูโรป้า ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนล์ลีก แต่ทว่าผลงานส่วนตัวจะไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดเขาต้องไปเล่นแบบยืมตัวกับ เอซี มิลาน ก่อนย้ายซบ มิลาน ถาวร แต่ก็ไม่สามารถสร้างชื่อได้อีกครั้ง สุดท้ายเขาตัดสินใจกลับมาบ้านเก่าที่สร้างชื่ออย่าง แอตเลติโก มาดริด ก่อนจะย้ายไปปิดฉากแขวนสตั๊ดกับ ซากัน โทสุ ในเจลีกในที่สุด
เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำเอาแฟน ลิเวอร์พูล ต่างแค้นเคืองใจ หลังเจ้าตัวตัดสินใจทิ้ง ลิเวอร์พูล ไว้กลางทางเมื่อปี 2018 ทั้งที่มีลุ้นแชมป์ลีก รวมถึง แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในตอนนั้น ลิเวอร์พูล ทีมต้นสังกัดที่ปลุกปั้นให้เขาโด่งดังขึ้นมา ได้พยายามปฏิเสธข้อเสนอถึง 3 ครั้งจากทีมเจ้าบุญทุ่มเพื่อรั้งตัวเอาไว้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 แต่ดาวเตะบราซิลเลี่ยนรายนี้ก็ตอบแทนด้วยอาการบาดเจ็บที่หลังแบบที่แพทย์ประจำทีมไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่กลับไปลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกให้กับทีมชาติบราซิลได้อย่างน่าประหลาดใจ แถมยังร้องห่มร้องไห้เมื่อต้นสังกัดปฏิเสธข้อเสนอจากทีมเจ้าบุญทุ่มด้วย คูตินโญ่ ยังคงต้องกลับมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ต่อในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก แต่ท้ายที่สุดเมื่อตลาดหน้าหนาวช่วงฤดูกาล 2017/2018 เปิด ทีมดังแห่งลุ่มน้ำเมอร์ซีย์ไซด์ ก็ตัดสินใจยอมขายเขาออกจากทีมไป เพราะนักเตะไม่มีใจเล่นให้กับทีมแล้ว ช่วงต้นมกราคม 2018 เขาเปิดตัวเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดเป็นสถิติสโมสรของ บาร์เซโลน่า 142 ล้านปอนด์รวมแอดออนสมใจอยาก ทว่าการย้ายไปขึ้นยานตามความฝันของเขากลับพังไม่เป็นท่าและไม่เป็นไปดังที่เขาหวัง ด้วยความกดดันทั้งเรื่องค่าตัวที่แพง การต้องเล่นเคียงข้าง เมสซี่ ปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาได้เหมือนกับที่ร่ายเวทมนต์จนได้ฉายาว่าพ่อมดน้อยยามอยู่ ลิเวอร์พูล ท้ายที่สุดเขาต้องตกไปนั่งเป็นสำรองเป็นได้เพียงตัวเลือกที่สอง และยิ่งการเข้ามาของ กรีซมันน์ ทำให้เขาต้องทำงานหนักกว่าเดิมในการเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริง และท้ายที่สุด บาร์เซโลน่า ก็ตัดสินใจปล่อยเขาออกไปเล่นแบบยืมตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค ให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง