6 สิ่งที่ได้จากเกมที่ วิลล่า พาร์ค

โกงความตายอีกแล้วสำหรับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังบุกไปพลิกเอาชนะ แอสตัน วิลล่า แบบสุดระทึก 2-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แถมเป็นการได้ประตูชัยในนาทีที่ 90+4 ด้วย ถือเป็นการเก็บ 3 แต้มที่มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพราะเกมหน้าจะต้องเจอกับทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และนี่คือ 6 สิ่งที่ได้จากเกมที่ วิลล่า พาร์ค

• โชว์จิตวิญญาณแห่งแชมเปี้ยน

กลายเป็นคุณสัมบัติเด่นของ "หงส์แดง" ชุดนี้ไปแล้ว เพราะเกมนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขา "ตายยาก" หลังจากที่ทำให้เห็นมาแล้วในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และล่าสุดกับ อาร์เซน่อล ในถ้วย คาราบาว คัพ (พูดง่ายๆ คือ แทบจะทุกเกมในช่วงหลัง) แถมยังมีอีกชอตหนึ่งที่ ลิเวอร์พูล ชุดนี้แสดงให้เห็นถึงแคแรคเตอร์แห่งผู้ชนะ คือหลังจากที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โขกทำประตูตีเสมอได้ เจ้าตัวเลือกที่จะไม่เฮนาน แต่กลับเร้าให้เพื่อนๆ รีบกลับไปตั้งหลักเพื่อเริ่มเล่นใหม่ ซึ่งนั่นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ณ เวลานั้นพวกเขาหวังถึงชัยชนะแล้ว ไม่ใช่แค่ผลเสมอ!!!

• ขาด ฟาบินโญ่ ส่งผลชัด

เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจพัก ฟาบินโญ่ ในเกมนี้ เพื่อเป็นการเลี่ยงความเสี่ยงที่ตัวนักเตะจะได้ใบเหลืองเพิ่ม ซึ่งนั่นจะส่งผลให้ดาวเตะเลือดแซมบ้าติดโทษแบนในเกมสำคัญกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สุดสัปดาห์หน้า แต่ก็ต้องแลกด้วยคุณภาพแดนกลางที่ดร็อปลง ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในเกมนี้ เพราะ อดัม ลัลลาน่า ที่ลงเป็นตัวจริงแทน ยังทำได้ไม่ดีพอ เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ ฟาบินโญ่ สร้างเอาไว้ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่ วิลล่า มีโอกาสได้สวนสวยๆ หลายครั้ง

• VAR และท่านเปา (อีกแล้ว)

เป็นอีกเกมที่ผู้ตัดสินและ VAR ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะประตูขึ้นนำ 1-0 ของ วิลล่า ที่สุดท้าย VAR ให้เป็นประตูนั้น ว่าน่ากังขาแล้ว...ประตูที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิงเข้าไป แต่ VAR กลับชี้เป็นลูกล้ำหน้านั้น ยิ่งน่ากังขาเข้าไปใหญ่ แถมหลังจากนั้นก็เพิ่มความงุนงงด้วยการที่ทาง พรีเมียร์ลีก ออกมาชี้แจงว่า จังหวะดังกล่าว ฟีร์มีโน่ ล้ำหน้าเพราะ "รักแร้"??? เหมือนกับว่าตอนนี้ VAR กลายเป็นสิ่งที่สร้างความสับสนให้กับเกมลูกหนังไปแล้ว นอกจากนี้เปา โจนาธาน มอสส์ ยังมีจังหวะตัดสินผิดพลาดให้เห็นด้วย เป็นจังหวะที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 75 ซึ่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลด ยิงบอลไปติดแขน (ที่ยื่นออกมา) บียอร์น เอ็นเกิ้ลส์ เซนเตอร์แบ็ก วิลล่า แบบเต็มๆ ในกรอบเขตโทษ แต่เปา มอสส์ กลับเลือกที่จะมองผ่านเฉย

• ซูเปอร์ฮีโร่นาม "มาเน่"

ตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้มา เหมือนเป็นฤดูกาลที่ ซาดิโอ มาเน่ ดูโดดเด่นกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วยซ้ำ เพราะมีหลายเกมเหลือเกินที่ มาเน่ มีส่วนช่วยให้ทีมคว้าชัย ไม่ว่าจะทำประตู หรือเรียกลูกจุดโทษให้ทีม และเกมนี้เขาถือเป็นฮีโร่ของทัพ "หงส์แดง" อย่างแท้จริง เพราะนอกจากแอสซิสต์ให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โขกประตูไล่เจ๊า 1-1 ในนาทีที่ 87 แล้ว ยังเป็นคนทำประตูชัยให้กับทีมในนาทีที่ 90+4 จากการโหม่งเช็ดส่งบอลเสียบเสาไกลอีกด้วย ทำให้ มาเน่ กลายเป็นที่พึ่งในยามยากของ ลิเวอร์พูล ตอนนี้ไปแล้ว

• ซาลาห์ ไม่เด็ดขาดเหมือนก่อน

ไม่ปฏิเสธเลยว่า ซาลาห์ ยังคงมีความสำคัญอย่างมากในแนวรุกของ "หงส์แดง" เพราะการมีเขาอยู่ในสนาม สามารถสร้างความหวาดหวั่นให้กับแนวรับทีมคู่แข่งได้ โดยเฉพาะเรื่องความเร็วที่จัดจ้าน แต่หากมองกันที่เรื่องจากจบสกอร์นั้น ซาลาห์ ทำได้ไม่ดีเหมือนซีซั่นก่อนๆ อย่างในเกมนี้ก็มีโอกาสยิงหลายครั้ง แต่กลับทำได้น่าผิดหวัง ซึ่งก็มีให้เห็นแบบนี้หลายครั้งเช่นกันในเกมที่ผ่านๆ มา

• เติมความมั่นใจก่อนดวล แมนฯ ซิตี้

แน่นอนว่า นี่คือชัยชนะที่มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งต่อคะแนนในตารางและสภาพจิตใจ เพราะนอกจากเป็นชัยชนะที่ช่วยรักษาระยะห่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้คงอยู่ที่ 6 แต้มเท่าเดิมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจก่อนลงฟาดแข้งกับ "เรือใบสีฟ้า" ที่ แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์หน้าด้วย ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่อาจจะเป็นเกมชี้ชะตาแชมป์เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากจบเกมนี้แล้ว ช่องว่างระหว่างสองทีมอาจจะยังคงอยู่ที่ 6 แต้ม, ถูกลดลงมาเหลือ 3 แต้ม หรือทิ้งห่างเป็น 9 แต้มเลยก็ได้ ดังนั้นการลงสนามไปดวลกับทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง